โดย: สุริยะ ฉายะเจริญ
สำหรับผมแล้ว
ในบรรดาบุคคลสำคัญของโลกนั้น ผมว่า มหาตมะ คานธี ถือว่ามีลักษณะภายนอก (ภาพลักษณ์)
และชีวประวัติที่น่าสนใจที่สุดคนหนึ่งในศตวรรษที่ 20
นานมากแล้วที่ผมได้ชมภาพยนตร์ชีวประวัติของมหาตมะ
คานธี ที่มีชื่อเรื่องว่า Gandhi ซึ่งออกฉายปี 1982 และได้รางวัลออสการ์ถึง 8 รางวัล
ก่อนจะแปลงออกมาเป็น DVD ในเวลาต่อมา
แล้วผมก็ได้ซื้อและมาชมผ่านเครื่องเล่นและฉายบนหน้าจอโทรทัศน์
ตามเนื้อเรื่องแล้วก็เหมือนกับภาพยนตร์ชีวประวัติทั่วไปที่แสดงถึงชีวิตของตัวละคร
มีมุมกล้องที่น่าสนใจ และแทรกอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครลงไป
จึงต่างภาพยนตร์สารคดีชีวประวัติอยู่แล้ว ความตื่นตะลึงเมื่อครั้งแรกได้ชมนั้น
มันอยู่ตรงที่ผมค่อนข้างสนใจชีวประวัติของคานธีมาตั้งแต่เด็ก โดยไม่ทราบว่าจริง ๆ
แล้วเขาคือใคร ทำอะไร
รู้แต่ว่ามีบทบาททางการเมืองและสังคมจนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงให้ประเทศอินเดียได้รีบอิสรภาพจากอาณานิคมของจักรวรรดิอังกฤษอันเกรียงไกร การมีตัวละครคานธีปรากฏออกมาจึงทำให้เหมือนว่าได้พบกับบุคคลตัวอย่างที่ออกมาโลดแล่นได้อย่างน่าทึ่ง
ผมเองค่อนข้างยอมรับว่า ลักษณะหน้าตา ร่างกาย และการแต่งกายของคานธี
มีความโดดเด่นอย่างมากที่สุดคนหนึ่งในเวทีของบุคคลสำคัญของโลก
คานธีได้รับการกล่าวขานและยกย่องจากคนทั่วโลกเรื่องการต่อสู้โดยไม่สู้ด้วยความรุนแรง
หรือที่รู้จักกันว่า “อหิงสา” ซึ่งคนปัจจุบันเองอาจจะเข้าใจได้ยากว่า
ในยุคของเขานั้น
เขาเปลี่ยนแปลงมหาอำนาจอย่างอังกฤษให้ปลดปล่อยประเทศอินเดียอันมีพื้นที่มหาศาลให้เป็นอิสรภาพได้อย่างไร
โดยไม่ได้ใช้กำลังอาวุธ
คงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก
หากมองว่าคานธีไม่ใช่นีกการเมือง ไม่ใช่ทหาร ไม่ใช้ชนชั้นปกครอง ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์
ไม่ใช่นักธุรกิจ เป็นคนธรรมดา นุ่งห่มชุดด้วยผ้าสีขาว/ สีอ่อน
แบบการห่มของอินเดียโบราณ หลายครั้งเปลือยท่อนบน
ไม่มีทรัพย์สินอะไรในร่างกายที่ชัดเจนไปกว่าแว่นตาวงกลมสองคู่คนใบหน้าที่วางทาบอยู่บนจมูกที่งุ้มแหลม
และอาจมีไม้พลองยาวสำหรับค้ำยันในเวลาที่เดิน
เราคงคิดว่าเป็นไปได้อย่างไร ที่เขาชักชวนให้คนอินเดียมาปั่นฝ้ายทอผ้าเองเพื่อไม่ต้องไปซื้อเสื้ผ้าจากชาวอังกฤษมาใส่ การเดินขบวนอันยาวไกลกับชาวบ้านนับพันนับหมื่นเพื่อไปเก็บเกลือ และการปราศัยผู้คนให้ยึดถือในอหิงสา ซึ่งสิ่งเหล่านี้แทบไม่เกี่ยวข้องกับกองกำลังหรืออาวุธใด ๆ เลย หากเทียบกับกองกำลังและอำนาจของเจ้าอาณานิคมอย่างอังกฤษ
เราคงคิดว่าเป็นไปได้อย่างไร ที่เขาชักชวนให้คนอินเดียมาปั่นฝ้ายทอผ้าเองเพื่อไม่ต้องไปซื้อเสื้ผ้าจากชาวอังกฤษมาใส่ การเดินขบวนอันยาวไกลกับชาวบ้านนับพันนับหมื่นเพื่อไปเก็บเกลือ และการปราศัยผู้คนให้ยึดถือในอหิงสา ซึ่งสิ่งเหล่านี้แทบไม่เกี่ยวข้องกับกองกำลังหรืออาวุธใด ๆ เลย หากเทียบกับกองกำลังและอำนาจของเจ้าอาณานิคมอย่างอังกฤษ
ชายผู้แทบไม่มีอะไรเลย
แต่คนอินเดียหลายร้อยพันล้านกลับรักเขาอย่างที่สุด
ชายผู้ไม่เป็นอะไรมากไปกว่าจิตวิญญาณของชาติที่ชาวตะวันตกในยุคสมัยของเขาก็ยังไม่เข้าใจว่า
เหตุใดอิทธิพลของคานธีจึงเข้าไปสู่ในจิตใจของชาวอินเดียจนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในประวัติศาสตร์โลกไปตลอดกาล
เราไม่อาจเรียกคานธีว่าเป็นนักปราชญ์
เช่นเดียวกันว่าเขาไม่ใช่นักวิชาการ ชนชั้นปกครองก็ยิ่งไม่ใช่
นักรบและนักการเมืองก็มิอาจใช่เช่นกัน
แต่คานธีคือคานธี ที่สถิตในใจคนทั่วโลก
แต่คานธีคือคานธี ที่สถิตในใจคนทั่วโลก
หลายครั้งที่ความรุนแรงเกิดขึ้น
หลายครั้งที่โลกมีปัญหา มักมีผู้ยกคำพูดหรือข้อเขียนของเขาขึ้นมาเชิดชูอยู่เสมอ
... ผมจึงรักภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะ ผมชื่นชอบในคานธีเป็นพิเศษ
... สำหรับผมแล้ว มหาตมะ คานธี คือ บุคคลสำคัญของโลกที่ในอนาคต ผู้คนอาจจะไม่เชื่อก็ได้ว่า มีบุคคลเช่นนี้อยู่จริงที่ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา
... ผมจึงรักภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะ ผมชื่นชอบในคานธีเป็นพิเศษ
... สำหรับผมแล้ว มหาตมะ คานธี คือ บุคคลสำคัญของโลกที่ในอนาคต ผู้คนอาจจะไม่เชื่อก็ได้ว่า มีบุคคลเช่นนี้อยู่จริงที่ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น