วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2563

คิดต่อจากภาพยนตร์เรื่อง Gandhi

โดย: สุริยะ ฉายะเจริญ



สำหรับผมแล้ว ในบรรดาบุคคลสำคัญของโลกนั้น ผมว่า มหาตมะ คานธี ถือว่ามีลักษณะภายนอก (ภาพลักษณ์) และชีวประวัติที่น่าสนใจที่สุดคนหนึ่งในศตวรรษที่ 20

นานมากแล้วที่ผมได้ชมภาพยนตร์ชีวประวัติของมหาตมะ คานธี ที่มีชื่อเรื่องว่า Gandhi ซึ่งออกฉายปี 1982 และได้รางวัลออสการ์ถึง 8 รางวัล ก่อนจะแปลงออกมาเป็น DVD ในเวลาต่อมา แล้วผมก็ได้ซื้อและมาชมผ่านเครื่องเล่นและฉายบนหน้าจอโทรทัศน์

ตามเนื้อเรื่องแล้วก็เหมือนกับภาพยนตร์ชีวประวัติทั่วไปที่แสดงถึงชีวิตของตัวละคร มีมุมกล้องที่น่าสนใจ และแทรกอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครลงไป จึงต่างภาพยนตร์สารคดีชีวประวัติอยู่แล้ว ความตื่นตะลึงเมื่อครั้งแรกได้ชมนั้น มันอยู่ตรงที่ผมค่อนข้างสนใจชีวประวัติของคานธีมาตั้งแต่เด็ก โดยไม่ทราบว่าจริง ๆ แล้วเขาคือใคร ทำอะไร รู้แต่ว่ามีบทบาททางการเมืองและสังคมจนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงให้ประเทศอินเดียได้รีบอิสรภาพจากอาณานิคมของจักรวรรดิอังกฤษอันเกรียงไกร การมีตัวละครคานธีปรากฏออกมาจึงทำให้เหมือนว่าได้พบกับบุคคลตัวอย่างที่ออกมาโลดแล่นได้อย่างน่าทึ่ง ผมเองค่อนข้างยอมรับว่า ลักษณะหน้าตา ร่างกาย และการแต่งกายของคานธี มีความโดดเด่นอย่างมากที่สุดคนหนึ่งในเวทีของบุคคลสำคัญของโลก

คานธีได้รับการกล่าวขานและยกย่องจากคนทั่วโลกเรื่องการต่อสู้โดยไม่สู้ด้วยความรุนแรง หรือที่รู้จักกันว่า “อหิงสา” ซึ่งคนปัจจุบันเองอาจจะเข้าใจได้ยากว่า ในยุคของเขานั้น เขาเปลี่ยนแปลงมหาอำนาจอย่างอังกฤษให้ปลดปล่อยประเทศอินเดียอันมีพื้นที่มหาศาลให้เป็นอิสรภาพได้อย่างไร โดยไม่ได้ใช้กำลังอาวุธ

คงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก หากมองว่าคานธีไม่ใช่นีกการเมือง ไม่ใช่ทหาร ไม่ใช้ชนชั้นปกครอง ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ ไม่ใช่นักธุรกิจ เป็นคนธรรมดา นุ่งห่มชุดด้วยผ้าสีขาว/ สีอ่อน แบบการห่มของอินเดียโบราณ หลายครั้งเปลือยท่อนบน ไม่มีทรัพย์สินอะไรในร่างกายที่ชัดเจนไปกว่าแว่นตาวงกลมสองคู่คนใบหน้าที่วางทาบอยู่บนจมูกที่งุ้มแหลม และอาจมีไม้พลองยาวสำหรับค้ำยันในเวลาที่เดิน
เราคงคิดว่าเป็นไปได้อย่างไร ที่เขาชักชวนให้คนอินเดียมาปั่นฝ้ายทอผ้าเองเพื่อไม่ต้องไปซื้อเสื้ผ้าจากชาวอังกฤษมาใส่ การเดินขบวนอันยาวไกลกับชาวบ้านนับพันนับหมื่นเพื่อไปเก็บเกลือ และการปราศัยผู้คนให้ยึดถือในอหิงสา ซึ่งสิ่งเหล่านี้แทบไม่เกี่ยวข้องกับกองกำลังหรืออาวุธใด ๆ เลย หากเทียบกับกองกำลังและอำนาจของเจ้าอาณานิคมอย่างอังกฤษ

ชายผู้แทบไม่มีอะไรเลย แต่คนอินเดียหลายร้อยพันล้านกลับรักเขาอย่างที่สุด
ชายผู้ไม่เป็นอะไรมากไปกว่าจิตวิญญาณของชาติที่ชาวตะวันตกในยุคสมัยของเขาก็ยังไม่เข้าใจว่า เหตุใดอิทธิพลของคานธีจึงเข้าไปสู่ในจิตใจของชาวอินเดียจนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในประวัติศาสตร์โลกไปตลอดกาล

เราไม่อาจเรียกคานธีว่าเป็นนักปราชญ์ เช่นเดียวกันว่าเขาไม่ใช่นักวิชาการ ชนชั้นปกครองก็ยิ่งไม่ใช่ นักรบและนักการเมืองก็มิอาจใช่เช่นกัน
แต่คานธีคือคานธี ที่สถิตในใจคนทั่วโลก

หลายครั้งที่ความรุนแรงเกิดขึ้น หลายครั้งที่โลกมีปัญหา มักมีผู้ยกคำพูดหรือข้อเขียนของเขาขึ้นมาเชิดชูอยู่เสมอ

... ผมจึงรักภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะ ผมชื่นชอบในคานธีเป็นพิเศษ
... สำหรับผมแล้ว มหาตมะ คานธี คือ บุคคลสำคัญของโลกที่ในอนาคต ผู้คนอาจจะไม่เชื่อก็ได้ว่า มีบุคคลเช่นนี้อยู่จริงที่ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น