วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2551

จุดหมาย ปลายทาง ในบางห้วงยาม




...ค่ำคืนนี้ ท้องฟ้าปิดมืดทึบ ลมแน่นิ่ง อบอ้าวและเงียบ...
ในยามเงียบสงบห้วงหนึ่งของค่ำคืนที่เปลี่ยวเปล่า ผมก็พลันตื่นขึ้นพร้อมกับอาการกระสับกระส่าย ด้วยความอ้าวอบ ร้อนผ่าว ของบรรยากาศทั้งภายในห้องตลอดจนภายนอก ฟูกที่นอนนุ่นเก่าๆเปียกซึมด้วยรอยเหงื่อและคราบไคล แม้ว่าเสียงใบพัดของพัดลมขนาดตั้งโต๊ะตัวเก่าหมุนหึ่งๆตลอด ก็ทำให้รู้ได้ว่ามันได้ทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มความสามารถแล้ว แต่ก็มิอาจบรรเทาความร้อนที่แทรกทุกอณูของอากาศได้ ไม่น่าเชื่อว่ากลางดึกที่น่าจะมีบรรยากาศที่เย็นเยียบ กลับกลายเป็นร้อนอบ นี่ย่อมไม่ใช่เรื่องปกติที่จะอยู่เฉยได้...
การป่ายปีนเขาของนักผจญภัยแต่ละครั้งๆ ต้องบุกฝ่า ผ่านพบความยากลำบาก อุปสรรคมากมายเกิดผุดพรายคล้ายเป็นเครื่องทดสอบร่างกาย จิตใจ ในเรื่องกำลังกายนั้น แขนขามือสมองดูแลปรนเปรอได้ด้วยอาหาร แม้ไม่สิ้นซึ่งลมหายใจ ก็คงจะพอเก็บหามาได้บ้าง หากแต่เพียงแค่นั้น ก็มิอาจจะนำพาไปถึงจุดหมายปลายทางได้ หากขาดกำลังของหัวใจ คงลำบากถ้าคิดจะก้าวเดินต่อ ...แต่อาหารของจิตใจเล่า จะหาได้จากแห่งใดในพิภพ
ทุกครั้งที่ก้าวพลาด...เราล้ม ทุกครั้งที่ก้าวเผลอ...เราก็ล้ม หลายครั้งที่หมดซึ่งกำลังกาย...เราฟุบ หัวเข่าถลอก แตก เลือดอาบสองแข้ง ไม้เสียบแทงทั้งสองขา มือหัก ศอกหลุด หัวแตก ... เราบรรเทารักษาได้ ด้วยการพยาบาล
ทุกคราวที่ท้อถอย ลังเล ห่อเหี่ยว เสียใจ สงสัย รำคาญ หมดกำลังใจ เพราะยังไม่เห็นอีกฟากฝั่งปลายทาง ... เราจะทำอย่างไร
การปีนเขานอกจากมีกำลังกายที่แข็งแรงแล้ว ขนาดของหัวใจย่อมไม่ธรรมดา
บางคนมองการปีนเขาแค่การไปสู่จุดยอด แล้วปักธงถ่ายรูปเป็นประจักษ์ว่าตนได้มาถึงจุดที่สูงที่สุด ใช่หรือไม่ว่าแท้จริงเหล่านี้เป็นเพียงการกระทำเพื่อบดบังความต่ำต้อยในตน มิให้พ่ายต่อธรรมชาติ นี่คือปมดอยของคน มิใช่มนุษย์
มีมนุษย์อีกบางจำพวกเห็นการปีนเขา เพื่อเป็นการทดสอบจิตใจตน มิใช่ทดสอบกำลังกาย ทุกก้าวที่ย่าง ทุกทางที่ปีน ทุกถิ่นที่เหยียบ ล้วนเต็มไปด้วยสติปัญญา จุดหมายเล่า... มิใช่ยอดเขา!
หากแต่จุดหมายและปลายทางของพวกเขามิใช่สิ่งเดียวกัน อันว่าปลายทางนั้นหมายความถึงจุดสิ้นสุดของการเดินทาง แต่กับจุดหมายคือจุดประสงค์แห่งการเดินทาง
ใช่หรือไม่ ความตั้งใจมั่น ความเข้มแข็ง ความกล้าหาญ ความอดทน ความเพียรไม่ระย่อ ความไว้เนื้อเชื่อใจกันและกันตลอดจนมิตรภาพระหว่างผู้ร่วมทาง ความเป็นไประหว่างทาง ทิวทัศน์ที่งดงาม การเคารพต่อธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ ทั้งหลายที่กล่าวมาเป็นปัจจัยนำพาใจน้อมนำสู่ไตรลักษณ์ สรรพสิ่งแปรเปลี่ยนไม่หยุดนิ่ง ไม่มีความยึดถือกรรมสิทธิ์ใดๆ แน่นอน..ใจของเราจะเบาสบาย นั้นคือจุดหมายที่แท้จริง และ ทรงคุณค่ายิ่ง
“มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐได้ด้วยการฝึก” (พุทธพจน์)
การเดินทาง ผจญภัย ปีนเขาแห่งชะตาชีวิต ผู้ที่สามารถเรียกตนว่าเป็นมนุษย์นั้น ย่อมมิเพียงแค่มีลมหายใจเข้าออกเพื่อสิ่งเสพเท่านั้น การเสพ ความพึงพอใจในกาม เกียรติยศต่างๆนานา เป็นเพียงสิ่งสมมุติสัจจะที่ได้ตกลงบัญญัติขึ้นระหว่างเผ่าพันธุ์ของตน ความเป็นไปในสังคมปัจจุบัน ประกอบกับค่านิยมใหม่ในเชิงวัตถุนิยม ได้บ่มเพาะวิถีคิดแบบใฝ่ไปในทางที่มุ่งไปสู่ที่ต่ำ จึงกลายเป็นว่า จุดหมายและปลายทางชีวิตของความเป็นคนโดยสมบูรณ์ คือ การมีทรัพย์มาก มีของของเพื่อบริโภคเยอะ สิ่งเสพทางกามบริบูรณ์ ซึ่งความจริงเป็นเช่นนั้นจริงหรือ? หรือเป็นเพียงการอุปโลกน์ของปมด้อยในตนของตนเองที่พยายามให้ชนหมู่มากยอมรับ ว่าเป็นผู้ที่มีกินมีใช้ มีบารมีครบครัน
เราเดินทางมากันถูกแล้วหรือ...
บาดแผลของชีวิตบางครั้งก็เป็นเสมือนมิตรสหายผู้หวังดีคอยย้ำเตือนเราอยู่เสมอในยามที่พลาดพลั้ง เตือนเราว่าทรัพย์สินที่มีอยู่รอบกาย มากบ้างน้อยบ้างตามกำลังการหาของแต่ละคนนั้นมิใช่แก่นสาระ มิใช่จะใช้ประโยชน์เป็นเอนกอนันต์แก้ไขทุกสิ่งทุกอย่างได้หมด ความจริงในข้อนี้ย่อมกล่อมเกลาความกระด้างที่เต็มไปด้วยอัตตาของจิตที่ด้านหนึ่งก็ซ่อนซึ่งความอ่อนแอในยามที่วิกฤตอุบัติขึ้น ให้มุ่งแสวงหาสู่สภาวะความเป็นจริง เป็นสาระแก่นสาร ตลอดจนตั้งคำถามภายในหุบห้วงความรู้สึกที่สถิตย์อยู่ก้นบึ้งแห่งสันดาน ว่าสารัตถะของจุดหมายที่แท้ของเราคืออะไร ที่ไหนกันแน่คือปลายทางของเรา รวมไปถึงข้อความระหว่างบรรทัดแห่งลมหายใจ ...มีสิ่งใดซ่อนอยู่ในสัจจะข้อนั้น
ในยามความเงียบสงบห้วงหนึ่งของค่ำคืนที่เปลี่ยวดาย ผมลุกขึ้นนั่งด้วยอาการกระสับกระส่าย อากาศรอบตัวร้อนผ่าว ลมแน่นิ่งไร้วี่แววกระพือพัดของม่านสีฟ้าบางเบา ฟูกที่นอนยัดนุ่นเก่าๆเปียกซึมด้วยรอยเหงื่อปนคราบไคล แม้ว่าเสียงใบพัดของพัดลมขนาดตั้งโต๊ะตัวเก่าหมุนหึ่งๆตลอด ทำให้รู้ได้ว่ามันได้ทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มความสามารถแล้ว ทว่ามิอาจบรรเทาความร้อนที่แทรกทุกอณูของอากาศได้ ไม่น่าเชื่อว่ากลางดึกที่น่าจะมีบรรยากาศที่เย็นระเยือก กลับร้อนอบอ้าวราวกับยามพระอาทิตย์อยู่เหนือศีรษะ นี่ย่อมไม่ใช่เรื่องปกติที่จะนิ่งเฉยมองผ่านไปได้อย่างธรรมดา ความเป็นไปต่างๆรอบตัวมีนัยยะ คล้ายๆจะบ่งบอกอะไรบางอย่างที่ได้หลงลืมไปในช่วงตกหล่นแห่งชะตากรรมที่หลุดวิ่นไปกับสิ่งไร้สาระ หรือนี่คือรหัสชีวิต เราทำอะไรเป็นแก่นสารบ้าง
จุดเริ่มต้นของผมอยู่ ณ.แห่งหนตำบลใด คงจะหาความทรงจำห้วงนั้นได้ยากเต็มที แต่ที่พอจะรู้ได้บ้าง คือมาตรฐานของตนที่มองจุดมุ่งหมายของชีวิต ว่ามิใช่เงินทองทรัพย์สิน อำนาจ วาสนาใดๆ หากแต่เป็นวิถีที่มุ่งสู่ความภาคภูมิของการเป็นมนุษย์ เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้ามิต้องละอายต่อผืนแผ่นดิน มีความสุขสมบูรณ์ด้วยกำลังของใจที่เต็มไปด้วยธรรม แม้โบสถ์วิหารที่แสนศักดิ์สิทธิ์ใดๆในผืนพิภพ ก็มิอาจเทียบได้กับความศักดิ์สิทธิ์ของใจที่นิ่งสงบไม่สั่นไหว หรือแกว่งสะท้านสะเทือนด้วยปัจจัยภายนอก ใจที่มีวิหารธรรมครอบคลุม เปรียบประดุจอาวุธแห่งทิพย์ หนักดั่งหินผาแน่นดุจพิภพ ทว่าเบาสบายกว่าปลายนุ่น สุกสกาวพร่างพราวราวแก้วเจียระไน...
ความทะมึนเข้มของบรรยากาศทั่วห้องยิ่งดูน่าสะพรึงในยามที่ไม่ได้ยินแม้เสียงลมพัดจากภายนอก แต่กระนั้นก็ตามที ก็ยังคงมีเสียงพัดลมดังเป็นเพื่อนได้บ้าง ผมค่อยๆลุกขึ้นจากที่นอนอย่างช้าๆด้วยอาการระวัง กลัวว่าจะชนสิ่งของรอบข้างที่วางระเกะระกะตามพื้นและโต๊ะ ความมืดมิดรอบตัวทำให้ต้องยิ่งระวัง มือค่อยๆเอื้อมคลำหาสิ่งรอบข้างพยุงตัวมิให้ชนสิ่งใด เมื่อถึงจุดหมาย จึงเอื้อมมือก็คว้าขวดน้ำขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ๆ ...นั้นมิใช่น้ำเย็นมีน้ำแข็งลอยประดับเด่นเพิ่มความฉ่ำเย็นที่ดื่มในคราวร้อนทุกครั้งๆความกระหายก็จะมลายไปสิ้น ทว่าผมกลับรู้สึกว่าชุ่มฉ่ำคอเหลือเกิน ดูเหมือนว่าความร้อนรุ่มในกายได้ถูกบำบัดเสียแล้ว ความผ่อนคลายก็เริ่มค่อยๆกลับมากล่อมร่างกาย ทีละน้อยๆ หรือความเย็นของน้ำกับความชุ่มชื่นเย็นฉ่ำในตนมิใช่เรื่องเดียวกัน...
ปลายทางของชีวิตที่หลายต่อหลายคนต้องการและใฝ่ฝันหาย่อมไม่เหมือนกันในทางรูปแบบ และยิ่งไม่คล้ายกันสักนิดในทางปฏิบัติ แต่สุดท้ายก็ต้องให้อะไรบางอย่างบ้างกับผู้แสวงหาในยามที่ก้าวล่วงไปถึงไม่มากก็น้อย ตรงตามประสงค์บ้างไม่ตรงบ้างก็ตามเหตุปัจจัยของแต่ละบุคคล สุดท้ายแล้วปลายทางของสิ่งมีชีวิตที่เรียกกันว่ามนุษย์นั้น แท้ที่จริงก็คือการพัฒนาตนเองไปสู่จุดที่สูงที่สุดแห่งจิตวิญญาณในสากลจักรวาล การมุ่งสู่ความดีงามที่เพริดแพรวด้วยธรรม เป็นการเปลี่ยนแปลงระหว่างเป็นคนธรรมดาไปสู่การเป็นมนุษย์ เป็นผู้ที่ฝึกพัฒนาตนได้ ตั้งมั่นอยู่ในคุณธรรมความดี ไม่เบียดเบียนต่อสรรพสิ่งแม้ธรรมชาติก็ตาม ไม่ข้องแวะหรือทำลายทำร้ายกระทั่งทั้งก้อนหินหรือยอดหญ้า ตลอดจนมีหน้าที่เฝ้าดูความเป็นไปของสากลจักรวาลอย่างมีพรหมวิหารธรรม
...ผมค่อยๆลุกขึ้นจากที่นอนมือก็คว้าขวดน้ำขึ้นมาดื่ม หากแต่นั้นมิใช่น้ำเย็นที่ดื่มในคราวร้อนใดๆก็จะมลายหายสิ้นไปซึ่งความกระหาย ทว่าผมกลับรู้สึกว่าชุ่มฉ่ำคอเหลือเกิน หรือความเย็นของน้ำกับความชุ่มชื่นของกายใจมิใช่เรื่องเดียวกัน จุดหมายของการดื่มน้ำนั้นเป็นไปเพื่อดับความร้อนความระหายในกาย ปลายทางหรือผลพวงคือเมื่อดับการกระหายได้ ใจย่อมเป็นสุขสงบผ่อนคลาย
ความร้อนของอากาศในคืนนี้ ทำให้ผมต้องการดื่มน้ำผมต้องระวังในการหาน้ำดื่ม เพราะความมืดได้ห่อหุ้มสภาพแวดล้อมรอบกายราวกับผ้าห่มคลุมจนปิดทึบ หากพลาดเผลอก็จะชนสิ่งของจนตกหล่นเสียหาย เมื่อดื่มน้ำเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ร่างกายผมก็เย็นขึ้น สบายขึ้น ผ่อนคลายขึ้น แม้มิใช่น้ำเย็นก็ตาม กายสุขใจก็สุขสงบ สุดท้ายแล้ว...
รุ่งอรุโณทัยวันใหม่สาดแสงสีทองส่องผ่านม่านบางๆ แสงอุ่นๆพาดตัวตามกำแพงลงสู่พื้นห้อง ผมตื่นด้วยความสดชื่นแจ่มใส ...ใช่หรือไม่นี่คือปลายทางของสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนกลางดึก..

1 ความคิดเห็น: