ความหมายของ
“สถานพักตากอากาศ” (RESORT)[1]
คือ สถานที่ที่ใช้พักผ่อนหรือสันธนาการ ผู้พักใช้ในวันหยุดหรือวันพักผ่อน
เป็นสถานที่หรืออาจเป็นเมืองหรือในบางครั้งอาจะเป็นสิ่งก่อสร้างการค้าที่บริหารโดยบริษัทเดียว
เป็นสถานที่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันสำหรับผู้มาพัก ทั้งอาหาร ที่พัก กีฬา
สิ่งบันเทิงและศูนย์การค้า[2]
หากแต่เมื่อถอดคำสำคัญของ
“สถานพักตากอากาศ” ก็จะพบว่า คำว่า “สถาน” เป็นคำที่บ่งบอกถึง “ตำแหน่ง” หรือ “ที่ตั้ง”
ของ บริเวณใดบริเวณหนึ่งอย่างจำเพาะ
“พัก”ไม่เพียงมีความหมายในเชิง “ปล่อย” “นิ่ง” และ
“สงบ” เท่านั้น แต่ยังหมายถึง “การหยุด”ณ จุดใดจุดหนึ่ง ณ “เวลาใดเวลาหนึ่ง”
ขณะที่กลุ่มคำ “ตากอากาศ” มีความหมายไปในเชิงของ
“การปลดปล่อย” ปล่อยให้สิ่งต่างๆ ให้ “ปรากฏขึ้นอย่างอิสระ” ด้วยการ “ตาก” (เช่น
ตากแดด, ตากลม, ตากฝน เป็นต้น) ส่วน “อากาศ” ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ปรากฏเป็นรูปทรง
ทว่ากลับเป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเราตลอดเวลา “ตากอากาศ”
จึงอาจเป็นภาวะของการปล่อยให้สิ่งรอบๆ ตัว “ผันแปร” อย่างอิสระ
“สถานพักตากอากาศ” อีกนัยยะหนึ่งนั้น
จึงเป็นสถานที่อันเจาะจงในการหยุดและปล่อยให้สิ่งต่างๆ
หมุนเวียนเปลี่ยนแปรไปได้อย่างอิสระ สถานพักตากอากาศนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเป็นสถานที่อันเป็นรูปแบบตายตัว
เพียงแต่ควรมีขอบเขตของ “สถานที่” อย่างชัดเจน และใช้อำนาจของความเป็นสถานที่นั้นๆ
เป็นเครื่องมือในการสร้างภาวะของการ “ตากอากาศ” หรือกล่าวกันอย่างง่ายๆ คือ
สถานที่นั้นต้องเป็นตัวกำหนดกิจกรรม “ตากอากาศ” ให้สมบูรณ์
กิจกรรมที่เกิดขึ้นจึงเป็นเสมือนพิธีกรรมบางอย่างที่ต้องแลกมาด้วยการมีวิถีชีวิตที่ผิดปกติ
ทั้งนี้เพราะชีวิตที่ต้องทำงานและปฏิบัติภาระหน้าที่ต่างๆ มากมายไม่ได้เอื้ออำนวยให้การพักตากอากาศเป็นกิจกรรมประจำวันได้
ดังนั้นการพักตากอากาศเป็นกิจกรรมอันพิเศษที่ไม่เกิดขึ้นบ่อย มนุษย์ย่อมต้องเลือกที่จะมีเวลาในการพักตากอากาศมากกว่าจะเป็นกิจกรรมที่เกิดจากความบังเอิญ
นั่นย่อมหมายถึงมนุษย์เราต้องเป็นผู้ที่จะเลือกในการที่จะพัก ณ ที่ใดที่หนึ่ง
ซึ่งต้องเป็นไปอย่างสบายมากกว่าความตึงเครียด
สถานที่ที่ต้องทำให้พิธีกรรมการตากอากาศได้สำเร็จลุล่วงจึงต้องเป็นสถานที่อุดมไปด้วยความพึงพอใจของผู้ที่จะไปพัก
ระบบและสิ่งแวดล้อมต่างๆของสถานพักตากอากาศจึงต้องมีความสะดวกสบายมากกว่าที่จะให้ความรู้สึกที่ต้องจำทน
สถานพักตากอากาศจึงเป็นภาพจำลองของสภาวะโลกแบบสุขนิยม
ในจินตนาการดุจดังสรวงสวรรค์ ที่มีผู้รับใช้และให้เกียรติอย่างที่สุด เพราะฉะนั้น
สถานพักตากอากาศจึงเป็นสถานที่สมมุติที่อาจไม่มีอยู่ในชีวิตที่เป็นจริงเลยก็ว่าได้
นิทรรศการ “สถานพักตากอากาศ”
เป็นนิทรรศการที่ใช้กลุ่มคำดังกล่าวเป็นโจทย์ที่ให้ศิลปินแต่ละคนตีความหมายและนำมาสร้างสรรค์ผลงานตามแบบเฉพาะตัว
ศิลปินไม่เพียงต้องสร้างชุดความหมายใหม่ผ่านภาษาของการเห็นมากกว่าการสร้างชุด “คำ”
(ตัวอักษร) เพื่ออธิบายความคิดเฉพาะตัว ศิลปินจึงไม่เพียงอยู่ในสถานะของผู้สร้างสรรค์ศิลปะเท่านั้น
หากแต่ได้รับสิทธิ์พิเศษในการเป็นผู้สร้างสถานที่ในจินตนาการให้ปรากฏออกมาด้วยการใช้
“สิ่ง” ต่างๆ เป็น “รหัส” เพื่อสื่อสารกับผู้เข้าชมมากกว่าที่ผู้เข้าชมจะเป็นเพียงผู้จ้องมองเท่านั้น
ซึ่งเท่ากับว่าศิลปินเป็นผู้อรรถาธิบายสถานพักตากอากาศในความหมายเฉพาะให้ผู้ชมได้เกิดกระบวนการถอดชุดความหมายจากสิ่งที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระบบ
ศิลปินเป็นผู้สร้างระบบความหมายด้วยชุดของสัญญะที่หลากหลายเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ในการถอดรหัส
ซึ่งผลงานย่อมต้องปรากฏภาพของความเป็นสถานที่อันเงียบนิ่งและปล่อยให้บริบทต่างๆ
ที่รายรอบผลงาน (ไม่ว่าจะมีรูปแบบผลงานแบบไหนก็ตาม) ผันแปรเปลี่ยนไปอย่างอิสระ
คำถามสำคัญจึงไม่ใช่ว่าผู้มาชมงานจะได้รับ
“สาร” (Message) อันเกี่ยวโยงกับสถานพักตากอากาศมากน้อยเพียงใด หากแต่คือ
“ใครเป็นผู้ที่เข้ามาพักตากอากาศ” ต่างหาก ซึ่งในคำถามดังกล่าวนี้ ผู้ชมจึงมิใช่ผู้เข้าพักสถานตากอากาศ
แต่ “ผู้ชม” เป็นเพียง “สิ่ง” ที่ผ่านเข้ามาและผ่านออกไปเท่านั้น เพราะผู้ที่จะเข้าถึงสารัตถะของการตากอากาศได้นั้นย่อมต้องเข้ามาอาศัยอยู่ในขอบเขตที่ศิลปินเป็นผู้สร้างสถานที่อันสมมุติขึ้นนี้
ฉะนั้นหากจะย้อนไปถึงว่าสถานพักตากอากาศเป็น
“พื้นที่ในจินตนาการ” ผู้ที่เข้าพักจึงไม่มีอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงอันเป็นภววิสัย
ไม่เพียงผู้ดูจะไม่สามารถที่จะเข้าพักสถานพักตากอากาศได้เท่านั้น แต่ผู้ชมถือว่าไม่มีสิทธิที่จะเข้าไปพักได้เลย
เพราะผู้ชมยังคงใช้ชีวิตอย่างปกติ มิได้ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านเลยไปตามอุดมคติของการพักตากอากาศ
สิทธิ์ของผู้ที่จะเข้าพักสถานที่ตากอากาศจึงต้องมีเจตจำนงอันแท้จริงเสียก่อนว่าจะเข้าสู่สถานที่พักตากอากาศหรือไม่
ซึ่งกุญแจของสถานพักตากอากาศก็คือการที่จะปล่อยบริบทที่หลากหลายในความเป็นปกติให้ผ่านเลยและเข้าสู่สภาวะของการ
“พักตากอากาศ” อย่างเบาสบาย
[1] สถานพักตากอากาศ
นิทรรศการศิลปะเพื่อภูมิทัศน์แห่งการพัก ชั้น 8
หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
เปิดนิทรรศการ
3 ตุลาคม 2556 จัดแสดงระหว่างวันที่ 4 ตุลาคม - 24 พฤศจิกายน 2556