โดย: สุริยะ ฉายะเจริญ
.
กาลครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้…
.
ยังมีชายหนุ่มคนหนึ่ง เขาเพิ่งเลิกกับคนรักของเขาในค่ำคืนที่แสงจันทร์ถูกดูดไปไปกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นร้าย
เขาไม่ทราบได้ว่าคำคืนอันแสนหดหู่นั้น เกิดขึ้นจากความรู้สึกของตัวเองที่จมดิ่งเข้าสู่รัตติกาลของอารมณ์ หรือเป็นเพราะหวาดผวากับฝุ่นร้ายที่ปกคลุมราตรีให้ปราศจากแสงของดารา
.
น้ำสีอำพันใสกร่าวแกร่งเจิดจรัสในแก้วใบน้อยวาววับกระชับในมือของเขา ขัดกับบรรยากาศที่ชวนหลับไหลของหมู่อาคารสูงที่ไฟสลัว
.
“นี่ก็ดึกแล้วใช่มั๊ย ทำไมคุณไม่หลับเสียละ” เสียงกังวานของเพื่อนสนิทของเขาที่ห่างหายไปนานปรากฏตัวอยู่ต่อหน้า สะท้อนเงาลงบนน้ำสีกระจ่างวาวในแก้วใบเดิมที่กลั้วด้วยน้ำแข็งสองก้อน
“เพราะเมื่อนอนหลับลง ผมคงมิอาจฝันดีได้ หากคืนนี้ร้อนบัดซบ” เขาตอบเพื่อนผู้หายหน้าไปนานในเงามืด ซุกซ่อนหยาดน้ำตาที่ระเรื่ออยู่บนขอบตาล่างอย่างอ่อนล้า
“ดื่มสักนิด คงไม่เป็นไร แต่ดื่มมากไป ใจคุณก็คงร้อนมากกว่าร่างกายของคุณเอง” เพื่อนผู้แสนดีพูอย่างแผ่วเบา ทว่าให้ความอบอุ่มอย่างบอกไม่ถูก
เขาไม่ได้เอ่ยปากอะไรต่อ เพ่งมองแก้วแวววาวนั้น แล้วยกขึ้นกระดกขึ้นอย่างช้า ๆ เสียงของก้อนน้ำแข็งกระทบกัน เสียงของก้อนน้ำแข็งเคลื่อนในแก้วใส ดังอย่างกังวาล ทว่าเศร้าระทด
เขาค่อย ๆ เอ่ยอย่างเงียบ ๆ “หายไปเสียนาน ทำไมคุณถึงมาตอนนี้”
“ถ้าไม่มาตอนนี้ แล้วให้มาตอนไหน” เพื่อนของเขาตอบสวนออกมาทันทีที่เขาเอ่ยออกไป
“อืม ก็คงใช่ ผมเองไม่ค่อยได้นึกถึงคุณเท่าไรนักก่อนหน้านี้ ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้ติดต่อไปเลย” เขาเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกผิดมหันต์
“ไม่เป็นไร ก็ตอนนี้ผมมาแล้ว คุณมีอะไรจะเล่าให้ฟังบ้าง มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ในช่วงที่เราไม่ได้พบกันเลย” เพื่อนของเขาชวนสนทนาต่อด้วยความใคร่รู้
“ก็มีบ้าง สุข ทุกข์ เฉย ๆ ตามปกติโดยทั่วไป แต่ช่วงนี้ก็หนักหน่อย เรื่องราวมากมาย” เขาเริ่มเปิดใจ
“ผมเข้าใจดีว่าคุณรู้สึกยังไง จะพูดก็ได้ ไม่พูดก็ไม่เป็นไร ขอให้คุณสบายใจ ผมก็สบายใจ แล้วมีอะไรจะเล่าอีกบ้างละ” เพื่อนเขาเริ่มปลอบใจที่แตกสลายของเขาด้วยความรู้สึกเห็นใจ
“เรื่องมันก็มีอยู่ว่า…” เขาเริ่มเล่าเรื่องของเขาเองที่ได้ไปผจญภัยในทะเลแห่งชีวิตและความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสุขและความทุกข์
.
เขาคุยกับเพื่อนสนิทที่ห่างหายไปนานราวกับว่าโลกทั้งใบมีเพียงพวกเขาสองคน ทั้งยิ้ม หัวเราะ เศร้า และหลั่งน้ำตา
ถ้อยคำที่สนทนากันดำเนินไปพร้อมกับการเติมน้ำอำพันที่ค่อย ๆ พร่องไปทีละแก้ว ๆ จนเขารู้สึกมึนเมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และผล่อยหลับไปโดยไม่รู้สึกตัว
.
เช้าวันต่อมา
เขาตื่นขึ้นอย่างกระชุ่มกระชวยผิดกับเมื่อคืนที่ดื่มอย่างหนักหน่วงราวกับไม่เคยได้ลิ้มลองสุรานำเข้าจากยุโรปที่มีคนรู้จักได้หยิบยื่นให้เมื่อนานมาแล้ว
เขามองไปรอบ ๆ ห้องอันว่างเปล่าเพื่อหาเพื่อนสนิทของเขาที่หาสไปอย่างไร้ร่องรอย
เขาเริ่มเศร้าและเหงาจับใจที่เพื่อนทิ้งกันไปโดยไม่บอกลา
.
เขาสลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป เพื่อเข้าไปห้องน้ำทำธุระส่วนตัวก่อนออกไปทำงานในเช้าวันนี้
เขาหยิบแปรง บีบหลอดสีฟันที่เปิดค้างไว้ ยาสีฟันสีขาวรสชาติบาดลิ้นค่อย ๆ คลานออกมาจากหลอดอย่างช้า ๆ เอื่อย ๆ เหมือนว่ามันจะขี้เกียจสำหลับวันใหม่ที่กำลังเริ่มต้นขึ้น
เขาเงยหน้าขึ้นมองกระจกในห้องน้ำพร้อม ๆ ไปกับเอาแปรงสีฟันในมือค่อย ๆ เคลื่อนไป ๆ มา ๆ ลงบนฝันสีครีมของเขาอย่างช้า ๆ
แล้วเขาก็ต้องตกใจพร้อมอุทานต่อหน้ากระจกใสในห้องน้ำนั้น
“เอ้ย ผมนึกว่าคุณไปแล้วเสียอีก ขอบคุณที่ยังอยู่ด้วยกันนะ”
.
เขาแปรงฟันด้วยความสุข และยิ้มให้กับเพื่อนที่อยู่ในกระจก
ทั้งคู่ยิ้มตอบให้แก่กัน
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น