วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2559

การสื่อสารของโลกในยุคอาณานิคมของดิจิทัล

ความเรียงประกอบการสอนรายวิชาสัมมนาประเด็นปัจจุบันด้านสื่อดิจิทัล ภาควิชาสื่อดิจิทัล คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม
โดย: สุริยะ ฉายะเจริญ (อาจารย์ประจำภาควิชาสื่อดิจิทัล คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม)
https://www.facebook.com/suriya.chaya
https://www.facebook.com/SuriyaCritic/
 
 
            หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (WW2) เป็นยุคสมัยที่คลี่คลายจากการปะทะขนาดใหญ่และการล้างเผ่าพันธุ์ด้วยกำลังอาวุธ หากแต่ก็ยังมีความขมึงตึงกับสถานการณ์ของขั้วอำนาจทางการเมืองระหว่างประเทศแบบซ้าย-ขวา (ลัทธิเสรีนิยม-ลัทธิสังคมนิยม) ที่แพร่กระจายไปทั่วโลกในนามของปรากฏการณ์สงครามเย็น (Cold War) อันเป็นสถานะความตึงเครียดทางการเมืองและการทหารหลังสงครามโลกครั้งที่สองระหว่างประเทศในกลุ่มตะวันตก (สหรัฐอเมริกา พันธมิตรนาโต้ ฯลฯ) และประเทศในกลุ่มตะวันออก (สหภาพโซเวียตและพันธมิตรในสนธิสัญญาวอร์ซอ)[1] สงครามเย็นทำให้ประเทศขั้วมหาอำนาจของโลกเร่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อผลิตอาวุธและภาคอุตสาหกรรมเพื่อแข่งขันจะเป็นผู้นำของโลกในยุคสมัยใหม่ ระบบเทคโนโลยีจักรกลอัจฉริยะถูกทำให้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับพัฒนามนุษย์ทั้งอาวุธสงคราม ภาคอุตสาหกรรม หรือแม้แต่มิติของการสื่อสารมากขึ้นกว่าอดีต
            การก้าวเข้าสู่ปีค.ศ.2000 พร้อมกับการแก้ไขระบบที่เกิดจากความหวาดกลัวในปัญหาวายทูเค (Y2K problem[2]) ที่อาจจะเกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์ทั้งโลก และนำไปสู่การก้าวข้ามข้อจำกัดของเทคโนโลยีการสื่อสารแบบดิจิทัลในโลกยุคใหม่ สื่อมวลชน (mass media) ที่มีมาก่อนระบบอินเตอร์เน็ตเริ่มปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้มีการสื่อสารที่รวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้นโดยมีเป้าหมายในการก้าวไปสู่โลกาภิวัฒน์ (globalization) ที่แท้จริง โลกทั้งโลกเริ่มตั้งคำถามและละทิ้งความเชื่อแบบตะวันตกเป็นศูนย์รวมขององค์ความรู้และวิทยาการของสรรพสิ่ง แต่โลกของข้อมูลข่าวสารสากลเริ่มเปิดพื้นที่ๆ มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมธรรมอันเป็นสภาพความเป็นจริงของโลกที่มากขึ้น การสื่อสารของโลกถูกย่อลงผ่านเทคโนโลยีการสื่อสารที่พัฒนาไปไกลกว่ายุคก่อนหน้า
            โลกของการสื่อสารหลังปีค.ศ.2000 จึงไร้ซึ่งพรมแดนอย่างเห็นได้ชัด ความรู้ที่อยู่เฉพาะสถาบันการศึกษา หอสมุด สิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ หรือแม้แต่ภาพยนตร์ เริ่มถูกเผยแพร่ในโลกไซเบอร์ (Cyber) ผ่านเทคโนโลยีเครือข่ายสากลมากขึ้นเรื่อยๆ ความฝันของมนุษยชาติที่ต้องการพัฒนาเทคโนโลยีสมองกลอัจฉริยะที่อยู่แต่ในนวนิยายวิทยาศาสตร์ (Science Fiction) ยุคก่อนๆ กำลังก่อร่างสร้างตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจนเป็นความจริงมากขึ้นๆ
โลกของภาพ
          นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา “ภาพ” (Image) มีบทบาทที่สำคัญในมิติของการสื่อสาร โดยเฉพาะการนำภาพมาจัดการเพื่อใช้เป็นสื่อ (Media) และสาร (Message) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อันเป็นโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง (Propaganda) ที่ทรงพลังอย่างที่สุดจนเกิดเป็นลัทธิชาตินิยมสุดขั้ว (Nationalism) ซึ่งหลังจากนั้นโลกจึงตระหนักถึงความสำคัญของการสื่อสารด้วยภาพที่มากขึ้น ไม่ว่าจะในส่วนของภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว หรือภาพยนตร์ก็ตาม
            แม้ว่าโลกของตัวอักษรจะเป็นของการถอดรหัสความหมายจากสัญลักษณ์ที่มีข้อตกลงร่วมกันของผู้คนในสังคม แต่โลกของตัวอักษรกลับมีประสิทธิภาพมากในการอรรถาธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ ได้อย่างละเอียด การรับสารที่เป็นตัวอักษรช่วยให้ผู้รับสารมีความเข้าใจในบริบทของข้อความมากที่สุดอย่างหนึ่ง แต่ถึงกระนั้น โลกของภาพก็มีส่วนสำคัญมากที่จะดำเนินควบคู่ไปกับการอธิบายความของตัวอักษร ภาพไม่เพียงสื่อความหมายควบคู่กำกับกันและกันกับตัวอักษรหรือแม้แต่ข้อความในรูปแบบของเสียงเท่านั้น แต่ภาพก็ยังสามารถสื่อสารได้ดัวยตัวของมันเองผ่านสัญญะ (Sign) ที่เรียงร้อยกันจนเกิดเป็นชุดความหมายขึ้น
            ในขณะที่โลกของตัวอักษรเป็นกฎเกณฑ์ที่เกิดจากข้อตกลงเพื่อทำความเข้าใจในความหมายของมันเอง แต่ตัวภาพกลับมีความเป็นสากลมากกว่าที่จะทำความเข้าใจในชั้นต้น แม้ในระดับของความหมายแฝง (Connotation) แล้ว การอ่านตัวภาพจะขึ้นอยู่กับบริบทของวัฒนธรรมก็ตาม แต่ตัวภาพก็ช่วยให้ผู้รับสารได้จินตนาการถึงสาระที่ผู้ส่งสารต้องการจะสื่อถึง และเมื่อการก้าวมาถึงของภาพเคลื่อนไหวในรูปแบบที่แตกต่างกันไปเกิดขึ้น ภาพที่เคลื่อนไหวนั้นก็ย่อมส่งเสริมให้เกิดการสื่อความหมายได้กระจ่างชัดมากกว่าเดิม ผู้รับสารไม่เพียงอาศัยจินตนาการอย่างเดียวอย่างการอ่านตัวอักษรและภาพนิ่งเท่านั้น หากแต่ตัวภาพเคลื่อนไหวเองจะสามารถอธิบายเนื้อหาของสารได้อย่างทรงพลังอย่างที่สุด ผู้รับสารจะรู้สึกเสมือนอยู่ ณ สถานการณ์ที่เป็นจริงมากกว่าต้องใช้จินตนาการแต่เพียงอย่างเดียว
            โลกของตัวอักษรเป็นโลกที่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์การสื่อสารที่ตายตัวและมีแบบแผนที่สุด การสร้างชุดคำใหม่จึงอาศัยความเปลี่ยนแปลงของบริบททางสังคม ในขณะที่โลกของภาพนิ่งทั้งในส่วนของภาพวาดและภาพถ่ายแม้จะมีข้อจำกัดอยู่ในด้านของการอธิบายความหมาย หากแต่ก็ให้อิสระและพื้นที่สำหรับจินตนาการสำหรับผู้จ้องมอง ส่วนภาพเคลื่อนไหวทั้งในรูปแบบของการ์ตูน โทรทัศน์ หรือภาพยนตร์เองก็มีการจำกัดการสื่อสารด้วยชุดของช่วงเวลาในการนำเสนอ ผู้จ้องมองหรือผู้เฝ้าดูจะคล้อยตามสิ่งที่ปรากฏบนจอภาพในห้วงยามที่กำลังฉายภาพ ผู้รับสารไม่อาจจะจินตนาการแทรกลงไปในการรับรู้ ณ ชั่วขณะจิตนั้นได้ เพราะการรับรู้ของจิตนั้นสามารถรับรู้ความรู้สึกได้เพียงอาการเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นจินตนาการหรือความคิดที่มีต่อตัวสารผ่านช่องทางดังกล่าวจะปรากฏขึ้นในมโนสำนึกเมื่อช่วงเวลาของการฉายภาพได้สำเร็จลุล่วงไปแล้ว ในทางเดียวกันนี้ หมายถึงผู้รับสารเองรับรู้ความหมายผ่านกฎเกณฑ์ชุดใดชุดหนึ่งที่ปรากฏบนจอภาพเพื่อกำกับการรับรู้เนื้อหานั้นๆ มากกว่าจะเกิดมโนภาพขึ้นพร้อมกับการรับสารเฉกเช่นเดียวกับการอ่านข้อความผ่านตัวอักษร
            วิถีของการอ่านภาพบนจอโทรทัศน์และภาพยนตร์นั้นมีความจำเป็นอย่างมากสำหรับการใช้เวลาที่ตายตัว ทั้งนี้จังหวะที่เกิดจากการลำดับภาพเคลื่อนไหวที่ปรากฏถูกจัดสรรจจากผู้สร้างโดยอยู่ภายใต้ขอบเขตในเรื่องของเวลาที่กำหนด การสื่อสารกับผู้จ้องมองต้องมีช่วงระยะของเวลาและระยะห่างในการจ้องมองอยู่มาก ผู้จ้องมองจึงต้องใช้สมาธิอย่างมากไม่น้อยกว่าการอ่านตัวอักษร แต่ภาพเคลื่อนไหวล้วนให้ผู้ดูได้สัมผัสความรู้สึกที่เป็นจริงที่รับรู้จากการมองผ่านสายตาและส่งต่อภาพนั้นไปถอดความหมายในสมองจนแปลไปสู่กระบวนการทำความเข้าใจเนื้อหาสาระที่เกิดขึ้นจากภาพนั้น ภาพเคลื่อนไหวจึงเป็นทั้งสื่อและสารที่นำพาผู้รับสารไปถึงเป้าหมายของเนื้อหาสาระได้อย่างครบครัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับชุดรหัสของตัวสารด้วยว่าสามารถที่จะทำความเข้าใจกับกลุ่มเป้าหมายมากน้อยแค่ไหน
โลกภายในจอสี่เหลี่ยม
            การถือกำเนิดของเครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคที่สิ่งพิมพ์เติบโตอย่างคงที่และสื่อโทรทัศน์กำลังเบ่งบานหลังยุคสมัยสงครามเย็น โดยเฉพาะพัฒนาการของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในช่วง ค.ศ.1980-2000 เป็นระยะเวลาประมาณ 20 ปีที่เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในการสื่อสารในระดับมวลชนมากขึ้น แม้ในระยะเวลาดังกล่าวจะเป็นห้วงยามอินเตอร์เน็ตเกิดขึ้นได้ราวกว่าทศวรรษแล้วก็ตาม (อินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1969[3]) แต่ความมั่นคงของระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเริ่มแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าในครั้งแรกที่มันถือกำเนิด ถึงกระนั้นก็ตามความมีเสถียรภาพของระบบก็ยังคงไม่เทียบเท่ากับปัจจุบัน
            การสื่อสารบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เริ่มมีบทบาทที่ชัดเจนขึ้นหลังปีค.ศ.2000 โดยมีการใช้คอมพิวเตอร์ในระดับบุคคลมากกว่าก่อนหน้านั้นที่เป็นเพียงเครื่องสำหรับการทำงานของภาครัฐและเอกชนในด้านต่างๆ คอมพิวเตอร์กลายเป็นเครื่องมือที่แต่ละคนนำไปใช้เพื่อการค้นหาข้อมูลและติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่ายที่เชื่อมต่อกันทั่วโลกที่เรียกกันว่าเวิลด์ไวด์เว็บ (WWW: World Wide Web) ที่มักเรียกย่อๆ กันว่า “เว็บ” ซึ่งก็คือรูปแบบหนึ่งของระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายข่าวสาร ใช้ในการค้นหาข้อมูลข่าวสารบนอินเตอร์เน็ตจากแหล่งข้อมูลหนึ่งไปยังอีกแหล่งข้อมูลที่อยู่ห่างไกลให้มีความง่ายต่อการใช้งานมากที่สุด เวิลด์ไวด์เว็บจะแสดงผลอยู่ในรูปแบบของเอกสารที่เรียกว่าไฮเปอร์เท็กซ์ (Hyper Text) ซึ่งเป็นฐานข้อมูลชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่รวบรวมข่าวสารข้อมูลที่อยู่กระจัดกระจายในที่ต่าง ๆ ทั่วโลกให้สามารถนำมาใช้งานได้เสมือนอยู่ในที่เดียวกัน  โดยใช้เว็บเบราเซอร์ (web browser) ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ช่วยในการดูหรืออ่านข้อมูลเหล่านั้น เว็บเบราวเซอร์ที่นิยมใช้ เช่น Internet Explorer ,Firefox ,Google chrome เป็นต้น[4]
            เพราะฉะนั้นระบบอินเตอร์เน็ตมีส่วนสำคัญที่ทำให้ความรู้ที่แต่เดิมเป็นเสมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนหิ้งที่สูงส่ง แต่ปัจจุบันความรู้นั้นสามารถค้นหาได้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ การสื่อสารผ่านโครงข่ายอินเตอร์เน็ตที่เดิมมีเพียงภาครัฐและองค์กรเอกชนเป็นผู้ใช้เท่านั้นกลายมาเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่ใครๆ ก็มีสิทธิ์ถือครองและใครๆ ก็สามารถใช้ประโยชน์ได้เพียงแค่จ่ายเงินซื้อเครื่องและคลื่นสัญญาณเท่านั้น ไม่ต่างกับการซื้อหาและการใช้โทรศัพท์มือถือในห้วงทศวรรษ 2000 ที่มีค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ถูกลงเพื่อการแข่งขันทางการตลาด ซึ่งใครๆ ก็มีสิทธิ์ที่จะถือครองและใช้ได้อย่างอิสระเพียงแค่มีเงินจ่ายในจำนวนหนึ่ง
            ความนิยมในการถือสิทธิ์ครองเครื่องคอมพิวเตอร์พกพามาพร้อมกับวิถีชีวิตที่เทคโนโลยีการสื่อสารได้พัฒนาไปอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการมาถึงของยุคดิจิทัล ผู้คนในสังคมโลกเริ่มใช้ระบบอินเตอร์เน็ตในการทำงานและการสื่อสารต่างๆ มากขึ้นเห็นได้ชัดหลังปีค.ศ.2000 การรับ-ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิคหรือ “อีเมล์” (e-mail) เป็นที่นิยมมากพร้อมกับการมาของโปรแกรมการสนทนาอัจฉริยะหรือ “แช็ท” (Chat) “เว็บไซต์” (website) ต่างๆ เริ่มเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อรองรับวิถีการสื่อสารบนโลกไซเบอร์ ผู้คนมากกมายเลือกที่จะรับข่าวสารที่อยู่บนหน้าจอมากขึ้นทวีคูณกว่าทศวรรษก่อนหน้า การเชื่อมร้อยเนื้อหาที่อยู่บนฐานคิดของการโยงคำสำคัญในไปสู่การค้นหาข้อมูลแบบ “ลิงค์” (Link) ซึ่งเปลี่ยนแปลงวิถีการอ่านตัวอักษรแต่เดิมที่อ่านจากซ้ายไปขวาและบนลงล่างแล้วพลิกหน้ากระดาษไปสู่ระบบของปุ่ม “คลิก” เพื่อนำไปสู่ข้อมูลบนหน้าเว็บ ขณะเดียวกันรายการทางโทรทัศน์เริ่มแบ่งปันข้อมูลลงเว็บไซต์และรวมไปถึงการลงข้อมูลของรายการโทรทัศน์แบบย้อนหลังเพื่อรองรับผู้ใช้งานระบบอินเตอร์เน็ตด้วย
            ต่อมานับตั้งแต่กลางทศวรรษที่ 2000 เป็นต้นมา ได้เกิดเฟซบุ๊ก  (Facebook) ซึ่งคือโปรแกรมหนึ่งในเครือข่ายสังคมออนไลน์ หรือ “โซเชียลเน็ตเวิร์ค” (Social Network) อันเป็นการที่ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตคนหนึ่ง เชื่อมโยงกับเพื่อนอีกนับสิบ รวมไปถึงเพื่อนของเพื่อนอีกนับร้อย  ผ่านผู้ให้บริการด้านโซเชียลเน็ตเวิร์คบนอินเตอร์เน็ต[5] ซึ่งนับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตแต่ละคนสามารถสร้างตัวตนขึ้นมาให้ปรากฏบนสังคมออนไลน์ได้มากกว่ามิติของโลกทางกายภาพ ผู้ใช้สามารถที่จะใส่รูปถ่ายของตัวเองพร้อมกับตัวอักษรเพื่อบรรยายความหมาย รวมไปถึงสามารถถาม-ตอบมีปฏิสัมพันธ์ผ่านโปรแกรมดังกล่าว เฟซบุ๊กยังสามารถที่จะจัดสรรกลุ่มของผู้ที่สนใจในเรื่องต่างๆ ที่ใกล้เคียงกันให้เกิดเป็นกลุ่มสังคมย่อยได้ ขณะเดียวกันก็ยังมีโปรแกรมแช็ทที่สามารถส่งข้อความ ใส่รูปภาพ และถ่ายภาพวิดีโอโต้ตอบแบบปฏิสัมพันธ์ได้อีกด้วย
            นอกจากโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่างเฟซบุ๊กแล้ว ยังมีโปรแกรมอื่นๆ อีก เช่น อินสตาแกรม (instagram), ทวิตเตอร์ (twitter), บล็อก (Blog), ยูทูบ (Youtube) เป็นต้น ซึ่งแต่ละประเภทล้วนสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับการใช้งานด้วยวิถีที่แตกต่างกันไปไม่ว่าจะเป็นข้อความ ภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหว เสียง หรือวิดีโอก็ตาม สิ่งเหล่านี้นับเป็นสื่อสังคมหรือโซเชียลมีเดีย (Social Media) ที่มีบทบาทนำสังคมร่วมสมัยให้เดินไปในทิศทางใหม่ที่โลกดิจิทัลกับโลกของความเป็นจริงมีระยะห่างที่น้อยลงมากขึ้นเรื่อยๆ และเดินทางอย่างคู่ขนานไปอย่างเห็นได้ชัด
            สื่อสังคมจึงหมายถึงสังคมออนไลน์ที่มีผู้ใช้เป็นผู้สื่อสาร หรือเขียนเล่า เนื้อหา เรื่องราว ประสบการณ์ บทความ รูปภาพ และวิดีโอ ที่ผู้ใช้เขียนขึ้นเอง ทำขึ้นเอง หรือพบเจอจากสื่ออื่นๆ แล้วนำมาแบ่งปันให้กับผู้อื่นที่อยู่ในเครือข่ายของตน ผ่านทางเว็บไซต์โซเชียลเน็ตเวิร์คที่ให้บริการบนโลกออนไลน์  สื่อสังคมลดบทบาทของสื่อเดิมโดยผู้รับสารกับผู้ส่งสารเริ่มสลายความแตกต่างลงจนกลายเป็นผู้ทำการสื่อสารเหมือนกัน ผู้ส่งกับผู้รับสารเป็นคนๆ เดียวกัน เปิดปฏิสัมพันธ์ในรูปแบบที่ทับซ้อนกันมากขึ้น ผู้ทำการสื่อสารสามารถที่จะสร้างตัวตนขึ้นใหม่ภายใต้การผลิตสื่อดิจิทัล (Digital Media) ในรูปแบบที่แตกต่างกันไป เพื่อส่งเสริมความหมายของตัวเอง ต่างกับการสื่อสารของโทรทัศน์ที่ผู้ดูสามารถมีปฏิสัมพันธ์ได้แค่ส่งข้อความเข้ารายการทางโทรทัศน์ การโทรศัพท์ หรือถ่ายทอดรายการสด หากแต่เมื่อต้องการดูย้อนหลังกลับต้องอาศัยโครงข่ายอินเตอร์เน็ตสำหรับเชื่อมร้อยของข้อมูลออนไลน์ในเว็บไซต์
            นับตั้งแต่ทศวรรษ 2010 เป็นต้นมาการกำเนิดขึ้นของโทรศัพท์อัจฉริยะ (Smartphone) และแท็บเล็ต  (Tablet) ช่วยให้การสื่อสารของสื่อสังคมมีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว วิถีชีวิตของผู้ทำการสื่อสารเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ผู้คนเริ่มจ้องมองโลกบนหน้าจอสี่เหลี่ยมของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในรูปแบบต่างๆ มากขึ้นจนอาจจะกล่าวได้ว่า โลกทั้งโลกนั้นได้ถูกย่อส่วนลงกลายเป็นพื้นที่เล็กๆ สี่เหลี่ยมที่มีเครือข่ายยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่มนุษย์จะสามารถค้นพบ วิถีการสื่อสารของหน้าจอคอมพิวเตอร์ของผู้ทำการสื่อสารทำให้การสื่อสารเป็นเรื่องของปัจเจกชนคนชั้นกลางมากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการจ้องมองบนจอผ้าของภาพยนตร์แล้ว หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เล็กกว่าหลายเท่ากลับส่งอิทธิพลต่อสังคมที่มากมายเหลือคณานับ นั่นย่อมพิสูจน์ว่าขนาดทางรูปธรรมของหน้าจอภายในกรอบสี่เหลี่ยมในโลกของภาพมิได้เป็นปัจจัยสำคัญ หากแต่สำคัญที่โครงข่ายที่สามารถตอบโจทย์กับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปจากเดิมของมนุษย์ในทศวรรษที่ 21 นั่นเอง
การแบ่งปัน
          ลักษณะที่โดดเด่นของข้อมูลข่าวสารในโลกดิจิทัลคือมีค่าใช้จ่ายในการสื่อสารที่น้อยกว่าข่าวสารข้อมูลที่ปรากฏในสื่ออื่นๆ ข้อมูลในโลกออนไลน์ถูกทำให้กลายเป็นโลกของเสรีภาพเนื่องจากมีรายจ่ายที่น้อยมาก ผู้ทำการสื่อสารจึงใช้จ่ายเพียงแค่ค่าอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ตและรายจ่ายสัญญาณอินเตอร์เน็ตเท่านั้น แต่ราคาของคลังข้อมูลอันมากมายกลับเป็นอิสระและราคาถูกกว่าสื่อสิงพิมพ์มาก อีกทั้งข้อมูลบนโลกดิจิทัลเป็นข้อมูลที่ปราศจากกายภาพที่จับต้องได้ เฉพาะฉะนั้นข้อมูลแบบดิจิทัลจึงมีน้ำหนักการเคลื่อนย้ายที่แสนเบามากหากเทียบกับข้อมูลที่ปรากฏในสื่อสิ่งพิมพ์หรือสื่ออื่นๆ ที่มีตัวตนทางกายภาพ
            การแบ่งปันข้อมูลดิจิทัลผ่านโลกไซเบอร์เป็นการแพร่กระจายข้อมูลข่าวสารที่ไม่สามารถที่จะกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ แต่ขณะเดียวกันผู้ส่งสารก็สามารถแบ่งปันให้อยู่ในรูปแบบที่ไม่เจาะจงผู้รับสาร เป็นการแบ่งปันแบบสาธารณะ ซึ่งผู้ทำการสื่อสารที่เข้าไปในสื่อสังคมที่มีการแบ่งปันข้อมูลที่เป็นไฟล์ดิจิทัลก็สามารถที่จะรับและเสพข้อมูลดังกล่าวนั้นอย่างเสรี เพราะการแบ่งปันผ่านช่องทางออนไลน์เป็นการลดบทบาทของรายจ่ายของผู้รับสารที่จะต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อข้อมูลนั้น และที่สำคัญลักษณะการแบ่งปันนั้นเป็นการแบ่งปันแบบแพร่กระจายมากกว่าการส่งต่อแบบหนึ่งต่อหนึ่งแล้วจบสิ้น แต่นำไปสู่การแพร่กระจายแบบปากต่อปากไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
            การแบ่งปันจึงทำให้ข้อมูลต่างๆ ในโลกออนไลน์กลายเป็นสิ่งที่มีชีวิตชีวาต่างจากข้อมูลที่อยู่ในรูปของกระดาษหรือแม้กระทั่งจอโทรทัศน์ เพราะข้อมูลที่ปรากฏบนจอสี่เหลี่ยมของคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ทก็ตาม ล้วนเกิดขึ้นท่ามกลางปรากฏการณ์ของปฏิสัมพันธ์ที่เกี่ยวโยงกับตัวตนบนโลกออนไลน์ของผู้ทำการสื่อสารทั่วโลก ผู้ใช้เครื่องมือสื่อสารดิจิทัลสามารถใช้เครื่องมือนั้นในแบบหนึ่งต่อหนึ่งเสมือนกับเครื่องมือนั้นเป็นอวัยวะของแต่ละบุคคล ทันทีที่ผู้ใช้เข้าระบบไปในโลกออนไลน์หรือระบบของสื่อสังคมออนไลน์การรับสารที่มีอย่างมากมายไม่จบสิ้นก็จะเกิดขึ้นตามมา ซึ่งการใช้งานในโลกแห่งกายภาพที่แต่ละบุคคลอยู่เพียงลำพังมิอาจจะทำลายสัมพันธภาพที่ปรากฏผ่านชุดรหัสที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ สัมพันธภาพระหว่างผู้ทำการสื่อสารและข่าวสารบนโลกไซเบอร์อาจจะไม่แนบแน่นเท่ากับปฏิสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ผ่านตัวแทนที่ถูกสร้างตัวตนบนสื่อสังคมด้วยระบบของการแบ่งปัน การแสดงความคิดเห็น และการสนทนาในรูปแบบต่างๆ
            คำสำคัญ (keyword) หรือชุดคำสำคัญเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้การค้นหาในโลกออนไลน์เป็นไปอย่างง่ายดาย ผู้ใช้เครื่องมือสื่อสารดิจิทัลเพียงใช้ปลายนิ้วสัมผัสหรือกดแป้นตัวอักษรจากนั้นข้อมูลต่างๆ ในโลกออนไลน์ก็จะปรากฏขึ้น โดยผู้ค้นหาก็สามารถเลือกสรรข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการสืบค้น การสืบค้นผ่านเครื่องมือสื่อสารที่เชื่อมโยงโลกออนไลน์นั้นไม่เพียงทำให้ข้อมูลถูกอ่านอยู่เสมอเท่านั้น หากแต่เมื่อการสืบค้นนั้นนำไปสู่การแบ่งปันผ่านสื่อสังคมอีกชั้นหนึ่งก็ย่อมทำให้ข้อมูลนั้นๆ มีชีวิตชีวามากขึ้น เพราะฉะนั้นโลกของการแบ่งปันข้อมูลดิจิทัลจึงเป็นโลกที่ไร้ซึ่งกาลเวลา เพราะเมื่อใดที่เราค้นหาข้อมูลแม้เก่าเพียงใด หรือใหม่แค่ไหน ก็สามารถที่จะปรากฏขึ้นบนหน้าจอโดยที่ไม่ชำรุดเหมือนสื่อบนกระดาษที่เมื่อผ่านกาลเวลา กายภาพของวัตถุก็ย่อมเปลี่ยนแปลงไป
            การแบ่งปันข้อมูลออนไลน์ถือเป็นหัวใจสำคัญของการสื่อสารในยุคดิจิทัล ซึ่งข้อมูลในโลกออนไลน์ถือเป็นข้อมูลสุญญากาศที่มีพื้นที่อันไม่จำกัด แม้ไร้น้ำหนักและปริมาตรทางกายภาพแต่กลับมีพลังอำนาจมากกว่าสื่ออื่นๆ ก็เนื่องด้วยระบบของการแบ่งปันที่เป็นการกระจายตัวมากกว่าการส่งต่อเพียงหนึ่งต่อหนึ่งเท่านั้น พลังอำนาจของการแบ่งปันมีเพียงพอที่จะเทียบได้เท่ากับหรือบางครั้งอาจจะมากกว่าเนื้อหาสาระของตัวสาร เพราะตัวสื่อออนไลน์เองมีความเป็นอิสรเสรีมากกว่าจะถูกตัดทอนให้ถูกต้องตามระเบียบของรัฐ เพราะฉะนั้นข้อมูลออนไลน์จึงเป็นตัวสารที่มีความสาธารณะเพราะมันถูกแบ่งปันไว้บนโลกออนไลน์อันเต็มไปด้วยเสรีภาพอย่างสุดขั้ว
เสรีภาพของโลกดิจิทัล
            โลกดิจิทัลเป็นโลกของเสรีภาพอย่างสมบูรณ์ ผู้ทำการสื่อสารมีอิสระที่จะทำการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์อย่างไม่มีข้อจำกัด โดยใช้ทั้ง ถ้อยความ รูปภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว และวิดีโอ หรือใช้อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นสื่อเพื่อจะแพร่กระจายให้เกิดปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในโลกไซเบอร์ ระบบการตรวจสอบของโลกดิจิทัลเป็นกฎเกณฑ์โดยอัตโนมัติและมีข้อตกลงทางด้านศีลธรรมอย่างกว้างๆ เพราะฉะนั้นการตรวจสอบความผิดปกติของโลกไซเบอร์จึงกลายเป็นหน้าที่ของผู้ใช้งานเองที่จะเป็นผู้รายงานความผิดปกติวิสัยนั้นต่อชุมชนออนไลน์ ซึ่งแม้ว่าหลายกรณีของตัวสารที่ผิดกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมหรือมารยาทในการสื่อสารออนไลน์ แต่กลับไม่ได้ผิดกฎหมายที่เป็นการกระทำความผิดของการสื่อสารในโลกไซเบอร์ หรือกฏหมายเองมิได้ครอบคลุมเรื่องนั้น การตั้งกระทู้หรือการแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อสังคมก็จะทำให้ประเด็นดังกล่าวเกิดมิติของการวิพากษ์วิจารณ์และมีความเป็นประชาธิปไตยในการสื่อสารเป็นอย่างมาก
            หลายครั้งที่เสรีภาพของโลกออนไลน์นำไปสู่การสร้างสรรค์หรือมิติของการสื่อสารแบบใหม่จนทำให้เกิดประโยชน์ในวงกว้าง หากแต่หลายครั้งเช่นกันที่เสรีภาพของสื่อออนไลน์นำไปสู่ปัญหาทางสังคมอันมากมายที่เกี่ยวโยงไปถึงอาชญากรรม การฉ้อโกง ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง และรวมไปถึงวัฒนธรรมของสังคมนั้นๆ ปรากฏการดังกล่าวนี้ย่อมพบเห็นได้ในสื่อสังคมปัจจุบันวันนี้และจะยิ่งเพิ่มทวีคูณมากขึ้น ทั้งนี้เกิดจากผู้ใช้งานในระบบอินเตอร์เน็ตนับวันจะเพิ่มขึ้นโดยที่ระดับอายุผู้ใช้งานจะน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งย่อมเชื่อมโยงไปถึงวุฒิภาวะทางความคิดของผู้ใช้งานที่จะทำการสื่อสารอย่างไร และเข้าใจในเสรีภาพของสื่อดิจิทัลแค่ไหน หรือเข้าใจขอบเขตของการสื่อสารออนไลน์มากน้อยเพียงใด
            เสรีภาพของโลกดิจิทัลจึงเรียงร้อยควบคู่ไปกับปัญหาของการกระทำผิดบนโลกออนไลน์ที่นับวันจะยิ่งมีพื้นที่อันอิสระมากขึ้นด้วย การกระทำผิดบนโลกออนไลน์ย่อมโยงไปถึงวุฒิภาวะของผู้ใช้งานเป็นสำคัญ ซึ่งกรณีของผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตนั้น โดยตัวกฎหมายเองก็มิได้จำกัดหรือมีกฎเกณฑ์ใดในการควบคุมหรือคัดเลือกผู้ทำการใช้งานว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ หรือมีวัยวุฒิที่มีภาวะของการสื่อสารที่ดีหรือไม่ เพราะฉะนั้นการควบคุมการใช้งานของผู้ที่ยังไม่มีภาวะความเข้าในในการบวนการสื่อสารที่ถูกต้องย่อมต้องไปได้กับชี้แนะจากผู้ที่มีความรู้หรือมีวุฒิภาวะที่มากกว่า หรือในอีกทางหนึ่งกลุ่มผู้ทำการสื่อสารในสังคมออนไลน์จะกลายเป็นผู้ตรวจสอบกันและกันเองซึ่งพบเห็นเป้นกรณีต่างๆ ในปัจจุบันจำนวนไม่น้อย
สรุป
          เมื่อมนุษย์ก้าวเข้าสู่ห้วงยุคปัจจุบัน โลกของดิจิทัลแผ่อาณานิคมไปสู่ทุกอณูของการสื่อสารควบคู่ไปกับโลกทางกายภาพ มนุษย์ไม่เพียงเป็นผู้สร้างกฎระบบการสื่อสารบนโลกดิจิทัลเท่านั้น หากแต่ก็ต้องเป็นผู้ปฏิบัติตามสิ่งตัวเองเป็นผู้สร้างเองอย่างเคร่งครัด เพราะโลกดิจิทัลเป็นโลกของเสรีภาพที่จะสร้างตัวตนใหม่หรือแบ่งปันข้อมูลต่างและรวมไปถึงการแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระที่สุด กฎระเบียบของศีลธรรมและมารยาทในการใช้สื่อดิจิทัลที่ไม่ละเมิดผู้อื่นหรือกระทำผิดในรูปแบบต่างๆ ย่อมเป็นสิ่งจำเป้นอย่างมาก และอาจจะต้องถูกควบคุมทั้งโดยระบบของตัวมันเองหรือโดยรัฐเพื่อการอยู่ร่วมกันของมนุษย์อย่างสันติ
            โลกดิจิทัลทำให้วิถีของการจ้องมองเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม มนุษย์เปลี่ยนพฤติกรรมการรับรู้ข่าวสารเกือบจะโดยสิ้นเชิงภายใต้อาณานิคมของโลกดิจิทัล ซึ่งผู้ทำการสื่อสารล้วนอาศัยเครื่องมือสื่อสารต่างๆ เพื่อเชื่อมโยงตัวตนทางกายภาพไปสู่ตัวตนในโลกไซเบอร์และสร้างอาณานิคมของตัวเองบนพื้นที่ว่างในดินแดนของโปรแกรมออนไลน์ มนุษย์ไม่เพียงสร้างความหมายผ่านชุดรหัสอันมากมายที่ล่องลอยอยู่อย่างอิสระทั้งข้อความ ภาพ เสียง หรือภาพเคลื่อนไหว บนโลกดิจิทัลที่ไร้กาลเวลาและพื้นที่ทางภูมิกายา
            ภูมิประเทศของโลกดิจิทัลเป็นดินแดนที่ไร้ซึ่งรูปกายที่จะสามารถบอกปริมาตรที่แน่นอน มันเป็นโลกที่เสมือนไม่มีจุดสิ้นสุดไม่ต่างจากจักรวาลที่หาเส้นขอบฟ้าไม่ได้ มิติของโลกดิจิทัลเป็นมิติที่บิดเบี้ยวเคลื่อนไหวไปมามากกว่าบ่งบอกรูปร่างรูปทรงได้อย่างชัดเจน โลกดิจิทัลเป็นโลกที่ไม่มีความแน่นอนเช่นเดียวกับโลกของความเป็นจริงที่สรรพสิ่งอยู่ภายใต้กฎของอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา ข้อมูลข่าวสารหรือตัวตนที่ถูกสร้างซึ่งล่องลอยในโลกออนไลน์มันย่อมถูกสถิตอยู่ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์และในระบบอินเตอร์เน็ตที่ไร้กาลเวลา สุดท้ายแล้วอาจจะไม่มีมนุษย์ผู้ใดจะสามารถกำหนดความเป็นโลกดิจิทัลได้อย่างสมบูรณ์เท่ากับการมีชีวิตและพัฒนาการของตัวมันเอง หรืออาจจะกล่าวได้ว่า แม้มนุษย์จะเป็นผู้สร้างโลกดิจิทัลขึ้นมาก แต่มนุษย์ก็ไม่สามารถที่จะจัดการปัญหาต่างๆ ของโลกดิจิทัลได้ทั้งหมด รวมไปถึงไม่สามารถทำลายมันได้มากพอกับการที่ไม่สามารถควบคุมมันได้อย่างเบ็ดเสร็จ และแม้มนุษย์จะปลาสนาการไปแล้วก็ตาม แต่โลกดิจิทัลย่อมดำรงอยู่ได้อย่างไร้กาลเวลา เพียงแค่มีเครื่องมือสื่อสารที่มีเทคโนโลยีดิจิทัลเท่านั้นก็เพียงพอ


[1] วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. (2559) สงครามเย็น. เข้าถึงจาก https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B9%87%E0%B8%99 (วันที่ค้นหาข้อมูล 19 มกราคม 2559)
[2] วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. (2559) ปัญหาปี ค.ศ. 2000. เข้าถึงจากhttps://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%B5_%E0%B8%84.%E0%B8%A8._2000 (วันที่ค้นหาข้อมูล 19 มกราคม 2559)
[3] วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. (2559) อินเทอร์เน็ต. เข้าถึงจากhttps://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%B5_%E0%B8%84.%E0%B8%A8._2000 (วันที่ค้นหาข้อมูล 20 มกราคม 2559)
[4] MINDPHP. (2555) WWW คืออะไร เวอลด์ วายด์ เว็บ คือ เน็ตเวิร์คที่มีการเชื่อมต่อกันไปทั่วโลก มักเรียกสั้นๆว่า เว็บ. เข้าถึงจากhttp://www.mindphp.com/%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD/73-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3/2024-www--%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3.html
 (วันที่ค้นหาข้อมูล 20 มกราคม 2559)
[5] M.Phat. (2556) Social Network คืออะไร ใช้งานอย่างไร.  เข้าถึงจาก http://www.microbrand.co/social-network-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3-%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3/ (วันที่ค้นหาข้อมูล 21 มกราคม 2559)

1 ความคิดเห็น: