โดย: สุริยะ ฉายะเจริญ (jumpsuri@hotmail.com)
ในขณะที่โลกได้ซึมซับและรับทราบแต่ความดี ความงาม และความเป็นจริง เรามักถูกมายาคติที่ซุกซ่อนอยู่ในวัฒนธรรมแห่งการรับรู้ให้เชื่อแต่สิ่งที่งดงาม อีกทั้งพยายามลบลืมประวัติศาสตร์ที่ตนเป็นผู้แพ้พ่ายในเวทีชีวิต แต่ในยามที่มนุษย์เราอยู่เพียงลำพังกับตนเอง เสียงที่เคยถูกกดทับไว้ในหุบเหวแห่งความรู้สึกก็ก้องสะท้อนออกมาให้สะท้าน อำนาจฝ่ายมืดและอดีตอันปวดร้าว ตลอดจนความวิปริตทางใจก็ค่อย ๆ พรั่งพรูออกมาหลอนหลอกเราอยู่ทุกขณะจิต
ผลงานจิตรกรรมชุดนี้ของ เฉลิมพล รัตนโกศลวัฒน์ ได้แสดงออกถึงความสั่นคลอนภายในจิตใจของมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความบกพร่องทางอารมณ์ กระทั่งกระทบไปถึงจิตวิญญาณ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ก่อให้มนุษย์เราเกิดการแสดงออกทางพฤติกรรมที่ผิดปกติ
ผลงานแต่ละชิ้นมักปรากฏภาพลักษณ์ของมนุษย์ผู้โดดเดี่ยวแปลกแยกจากโลกภายนอก ตัดขาดจากโลกจริงสู่เอกภพแห่งความกำกวม ความคมชัดที่หายไปถูกแทนที่ด้วยการทับซ้อนเหลื่อมกันของน้ำหนักสี ผลงานชุดนี้จึงทำให้ผู้ดูได้หวนไปถึงผัสสะแห่งการเห็นในยามที่เราป่วยไข้หรืออาการเมาจากฤทธิ์สารเสพติด ซึ่งมักจะไม่สามารถเห็นภาพตรงหน้าได้ชัดเจน ในขณะเดียวกันก็ย้อนให้คิดอีกว่าภาพที่เห็นเบลอ ๆ เป็นภาพที่ศิลปินสัมผัสเอง หรือเป็นสภาวะจิตของรูปร่างคนที่อยู่ในภาพ และยังไม่นับอีกว่า บางทีผู้ชมผลงานต่างหากที่เป็นผู้เห็นสภาวะดังกล่าวเสมือนรู้สึกป่วยไข้ทางจิตซึ่งถูกถ่ายทอดออกมาผ่านผลงานจิตรกรรม
สุดท้ายแล้วศิลปินได้สร้างวาทกรรมกับสังคมถึงความสำคัญของบริบททางจิตวิญญาณ ว่าการมีอยู่ซึ่งตัวตนทางกายภาพนั้น แท้ที่จริงยังมิสามารถเรียกได้ว่าเป็นมนุษย์ผู้สมบูรณ์ได้หากยังเกิดความบกพร่องผิดปกติทางจิตใจ และในวันที่วัตถุได้เข้ามาครอบครองทั่วปริมณฑลแห่งความเป็นมนุษย์ เราก็ยิ่งควรเยียวยาจิตใจให้เข้มแข็งควบคู่ไปกับวิถีชีวิต เพราะหากร่างกายเจ็บป่วยเราก็ใช้วัตถุธาตุต่าง ๆ รักษาให้บรรเทาและหายจากความเจ็บไข้ได้ หากแต่ความเจ็บป่วยภายในใจนั้น ก็ต้องใช้ใจเองเป็นผู้เยียวยาประดุจโอสถทิพย์ที่รักษาอาการบาดเจ็บจากอสรพิษทางจิตวิญญาณ.จาก: สูจิบัตรนิทรรศการจิตรกรรม-ชุด Trauma 101 โดยเฉลิมพล รัตนโกศลวัฒน์. ณ. The Gallery, กรุงเทพฯ
การดำรงอยู่ของมนุษย์ที่ต้องดำเนินไปควบคู่กับการผันแปรตามวัฏฏะแห่งโลก มิใช่เพียงบำเรอตนแต่เพียงรูปกายภายนอกเท่านั้น หากแต่การมีอยู่ของจิตวิญญาณกลับต้องคอยตรวจทานกันบ่อยครั้งกว่าร่างกาย เพราะตราบใดที่ห้วงภายในได้ถูกรบกวนด้วยอุทกภัยแห่งความรู้สึกแล้ว ก็ย่อมส่งสะท้อนออกมาสู่พฤติกรรมการแสดงออกด้วยเช่นเดียวกัน
ในขณะที่โลกได้ซึมซับและรับทราบแต่ความดี ความงาม และความเป็นจริง เรามักถูกมายาคติที่ซุกซ่อนอยู่ในวัฒนธรรมแห่งการรับรู้ให้เชื่อแต่สิ่งที่งดงาม อีกทั้งพยายามลบลืมประวัติศาสตร์ที่ตนเป็นผู้แพ้พ่ายในเวทีชีวิต แต่ในยามที่มนุษย์เราอยู่เพียงลำพังกับตนเอง เสียงที่เคยถูกกดทับไว้ในหุบเหวแห่งความรู้สึกก็ก้องสะท้อนออกมาให้สะท้าน อำนาจฝ่ายมืดและอดีตอันปวดร้าว ตลอดจนความวิปริตทางใจก็ค่อย ๆ พรั่งพรูออกมาหลอนหลอกเราอยู่ทุกขณะจิต
ผลงานจิตรกรรมชุดนี้ของ เฉลิมพล รัตนโกศลวัฒน์ ได้แสดงออกถึงความสั่นคลอนภายในจิตใจของมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความบกพร่องทางอารมณ์ กระทั่งกระทบไปถึงจิตวิญญาณ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ก่อให้มนุษย์เราเกิดการแสดงออกทางพฤติกรรมที่ผิดปกติ
ผลงานแต่ละชิ้นมักปรากฏภาพลักษณ์ของมนุษย์ผู้โดดเดี่ยวแปลกแยกจากโลกภายนอก ตัดขาดจากโลกจริงสู่เอกภพแห่งความกำกวม ความคมชัดที่หายไปถูกแทนที่ด้วยการทับซ้อนเหลื่อมกันของน้ำหนักสี ผลงานชุดนี้จึงทำให้ผู้ดูได้หวนไปถึงผัสสะแห่งการเห็นในยามที่เราป่วยไข้หรืออาการเมาจากฤทธิ์สารเสพติด ซึ่งมักจะไม่สามารถเห็นภาพตรงหน้าได้ชัดเจน ในขณะเดียวกันก็ย้อนให้คิดอีกว่าภาพที่เห็นเบลอ ๆ เป็นภาพที่ศิลปินสัมผัสเอง หรือเป็นสภาวะจิตของรูปร่างคนที่อยู่ในภาพ และยังไม่นับอีกว่า บางทีผู้ชมผลงานต่างหากที่เป็นผู้เห็นสภาวะดังกล่าวเสมือนรู้สึกป่วยไข้ทางจิตซึ่งถูกถ่ายทอดออกมาผ่านผลงานจิตรกรรม
สุดท้ายแล้วศิลปินได้สร้างวาทกรรมกับสังคมถึงความสำคัญของบริบททางจิตวิญญาณ ว่าการมีอยู่ซึ่งตัวตนทางกายภาพนั้น แท้ที่จริงยังมิสามารถเรียกได้ว่าเป็นมนุษย์ผู้สมบูรณ์ได้หากยังเกิดความบกพร่องผิดปกติทางจิตใจ และในวันที่วัตถุได้เข้ามาครอบครองทั่วปริมณฑลแห่งความเป็นมนุษย์ เราก็ยิ่งควรเยียวยาจิตใจให้เข้มแข็งควบคู่ไปกับวิถีชีวิต เพราะหากร่างกายเจ็บป่วยเราก็ใช้วัตถุธาตุต่าง ๆ รักษาให้บรรเทาและหายจากความเจ็บไข้ได้ หากแต่ความเจ็บป่วยภายในใจนั้น ก็ต้องใช้ใจเองเป็นผู้เยียวยาประดุจโอสถทิพย์ที่รักษาอาการบาดเจ็บจากอสรพิษทางจิตวิญญาณ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น